6.11.16

Schritt 5: ณ สถานทูตเยอรมัน (ตอนที่ 1)

กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่อาทิตย์ที่แล้วยุ่งๆ เลยไม่มีเวลามาเขียน อาทิตย์หน้าก็มีสอบเลขอีก (ซึ่งอยากบอกว่า มัน ยาก มากกกกกก) แต่ก็อยากเจียดเวลาตัวเอง มาอัพเดตบล็อกซักหน่อย เดี๋ยวทุกๆคนจะรอนานเกิน แล้วก็ต้องขอขอบคุณทุกการติดตามด้วยนะครับ แค่เห็นมีคนมาอ่าน ก็ทำให้มีกำลังใจอยากจะมาเขียนต่อเร็วๆละ อิอิ

ต่อจากบทที่แล้ว วันนี้จะมาขอพูดถึงประสบการณ์ (อันแสนเศร้า) ของตัวเองกับสถานทูตเยอรมัน เพราะแทบไม่มีครั้งไหนเลย ที่เรียกได้ว่า ไปครั้งเดียวจบ ต้องไป 2ครั้ง ตลอด รวมๆก็เกือบ 10 ครั้ง เรียกได้ว่าไปบ่อยกว่าบ้านเพื่อนอีก 55 จึงเป็นหนูทดลอง อยากมาขอเล่าให้ทุกคนจะได้รู้ว่าไม่ควรพลาดอะไรบ้าง จะได้ไปแล้วไม่ต้องมาใหม่

ยังจำกันได้ไหม เอกสารที่เราพักไว้ตั้งแต่บทที่แล้ว ได้เวลาหยิบมันกลับมา จัดเป็นชุดให้เรียบร้อย โดยวันนี้เราจะไปประทับตราเอกสารกัน เป็นเหมือนการยืนยันว่า เอกสารถูกต้อง ก่อนที่จะส่งไปเยอรมัน ถ้าไม่มีตราประทับ เค้าจะไม่ตรวจเอกสารเรานะ แล้วก็ไม่ต้องนัด ตรงไปที่สถานทูตได้เลย (รู้ใช่มั้ย อยู่ตรงไหนอะ) ตั้งแต่เช้า ประมาณ 8 โมง ถึง 11 โมงครึ่ง แนะนำให้ไปเช้าๆ คิวจะได้ไม่ยาว แล้วจะได้รอรับเอกสารเลย แต่คำว่าคิดไม่ยาว ก็ต้องรออยู่ดีอะแหละ -.-'

ซึ่งพอผ่านด่านตรวจ ก็บอกพี่พนักงานว่า "มาประทับตรา Transcript" เพื่อรับบัตรคิว โดยปกติแล้วจะเป็นเคาน์เตอร์ข่อง 5 โดยตัวเราอุตส่าห์ไปประมาณ 8โมงนิดๆ นิดจิงๆ ก็คิวที่ 5และ แถมความพิเศษของช่องนี้คือ เปิดจริงๆ 8โมงครึ่งจ้า ก็ต้องนั่งรอยาวๆ (มีครั้งนึงเห็นเปิด 8 โมง ยังไงก็ลองไปเสี่ยงดวงกันเองละกัน)
เมื่อก่อนเคยได้บัตรคิวตัวเลขก็ไม่มีปัญหา นั่งรอไป แต่ครั้งนี้ได้เป็นกระดาษที่เขียนเวลาด้วยปากกา เขาจะมีช่องให้เขียนชื่อ แล้วก็ให้นำใบนั้นหยอดในช่องของเคาน์เตอร์นั้น ที่นี้เรื่องมีอยู่ว่า ที่นี่เจ้าหน้าที่ไม่ได้อยู่ประจำเคาน์เตอร์ ชอบมาๆหายๆ ซึ่งแต่ตอนนั้นไม่มีใครนั่งอยู่ด้วย และด้วยความที่กลัวโดนดุ (เพราว่าถ้าใครไม่เคยรู้ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นสถานทูตที่โหดมาก เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยยิ้มแย้ม พูดจาห้วน ปึงปัง แถมบางทียังตะโกนต่อว่าเราอีก หากเอกสารไม่ครบ หรือนั่งรอเสียงดัง) จึงได้แต่ถือใบนั้น นั่งรอโง่ๆไปเรื่อยๆ ด้วยความงงๆ จนเห็นมีคนนึงใส่ใบนั้นลงในช่อง เลยทำทีใส่ตามเขา (คิดในใจว่า ถ้าโดนดุ จะได้ไม่โดนประกาศชื่อคนเดียว อาจจะอายน้อยหน่อย 55)

สรุปแล้วรอประมาณ ครึ่งชม. กว่าจะถึงคิว เราก็นำเอกสารจัดเป็นชุดให้ดี เน้นนะ ไม่อย่างงั้นจะโดนสวนกลับมาได้ โดยยื่นชุดสำเนาทั้งหมดให้เค้า (จะสมัครกี่ที่ก็ยื่นไปทีเดียวเลย จะได้ไม่ต้องมาบ่อยๆ)  แล้วส่วนใหญ่มหาลัยจะให้เราประทับตรา Transcript แต่เราจะยื่นอย่างอื่นให้เค้าปั๊มด้วยกันก็ได้ (ทำไปเผื่อๆไว้ แบบเนียนๆ  เค้าไม่ว่าหรอก(ที่จริงเค้าน่าจะไม่รู้มากกว่า ว่าอะไรที่ไม่จำเป็นต้องปั้ม 55) ) ถ้าเค้าขอดูเอกสารตัวจริงเพิ่มเติมก็ให้ยื่นไป แล้วก็อย่าลืม นำหลักฐานการสมัครไปด้วย เช่น ใบสมัคร หรือ ถ้ายังไม่มี ให้ปรินท์หน้าเว็บไซต์ ที่เขียนว่าเขาต้องการเอกสารนี้ๆๆๆ เพราะถ้าไม่มี เขาอาจไม่รับรองให้ก็เป็นได้ (อ่อ สำหรับรับรองเอกสาร Transcript ไม่ต้องเสียตังค์นะ) จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะหายไปหลังห้องเหมือนเดิม รออีกเกือบ 15 นาที เค้าก็เรียกชื่อให้ไปรับเอกสาร จบ. รวมแล้วก็เกือบชม.อะ (ซึ่งเขาก็แค่เย็บมุม แล้วก็ปั้มตราให้ตรงมุม ก็ไม่รู้ว่าเขาจะหมกไว้นานทำไม เขาก็ไม่ได้เอาตัวก้อปปี้ไปเทียบกับตัวจริงซะหน่อย แค่ 1นาที ก็น่าจะเสร็จ - -')


เสร็จแล้วก็ไม่มีอะไรละ นำเอกสารพร้อมใบสมัครทั้งหมดส่งให้ถึงเยอรมัน เราส่งทาง EMS ไปรษณีย์ไทย เพราะถูกกว่า ประมาณ 5วัน รวมส.-อา.ก็ถึงละ (แต่เห็นว่าตั้งแต่ปี 2017 เขาจะปรับราคาขึ้นเป็นประมาณ 1300 บาทแหละ) ถ้าส่งผ่านคูเรีย อย่าง DHL ก็จะแพงมาหน่อย แต่ 2-3 วันถึง ซึ่งยังไงเราก็ไม่รีบอยู่แล้ว แล้วก็มหาลัยบางที่ เค้านับวันประทับตราเป็นวันหมดเขตนะ ไม่ใช่ต้องถึงที่นั่นก่อนวันหมดเขต ยังไงลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดู...


และในที่สุดเอกสารทุกชุดก็ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย โล่งอกไป 1 เปราะ ครั้งหน้า เดี๋ยวจะมาต่อ ว่าเกิดอะไรขึ้น ระหว่างกำลังรอผลตอบรับจากมหาลัย รับรอง มีเรื่องให้อึ้งอีกแน่นอน วันนี้ฝากไว้แค่นี้นะครับ ขอบคุณที่ติดตาม :)

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปล 1. เหมือนเคยอ่านผ่านๆนะ ว่ามีคนไปขอปั้มมาเผื่อ ตอนที่อยู่เยอรมัน ถ้าอยากจะสมัครมหาลัยใหม่ จะได้ไม่ต้องไปสถานทูตเพื่อปั้มเอกสารอีก แต่ต้องเนียนจริงนะ ไม่งั้นเค้าจะตราหน้าเราได้ แล้วแต่ดวงเลย 555

ปล 2. ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่ Uni Bonn ส่งเอกสารไป 1อาทิตย์ก่อนหมดเขต (มันหมดเขตวันศุกร์ จำได้แม่น) กลัวไม่ทัน เลยจะส่งDHL ปรากฏว่า ยังจำได้มั้ย ที่เล่าไปว่าที่อยู่เยอรมันสั้นโคตร "Studentensekretariat, 53012 Bonn" เพราะที่อยู่สั้นเกิน แถมรหัสไปรษณีย์นี้ไม่มีในเยอรมัน กลับไปโผล่ในอเมริกา ~อึ้งไป 60 วินาที~ ทำให้คีย์ในระบบ DHL ไม่ผ่าน (อย่างงี้ก็มีด้วยหรอฟระ!!) เลยจำใจส่ง EMS แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น 5วันผ่านไป Tracking เอกสารเราค้างอยู่ที่สุวรรณภูมิ!! ด้วยเหตุที่ว่าพบของต้องส่งสัย ทำให้ทั้งถุงถูกทิ้งไว้ในสนามบิน (รวมทั้งอนาคตผมด้วย T T ) แต่ยังไงก็ตาม เราสามารถขอเงินค่าส่งคืนได้ ก็โชคดีไป แต่เรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมไม่ได้ ใกล้ถึงกำหนดขึ้นทุกที และกว่าจะถึงนั่นก็เป็นวันเสาร์เช้า เลย Deadline ไปแล้ว ~อึ้งไปอีก 60 วินาที~ แต่ปรากฏว่าเค้าก็ตอบกลับมาว่า เอกสารได้รับการพิจารณา แต่มันไม่ผ่านอยู่ดี (จากที่เคยเล่าเหตุผลไปแล้วในบทก่อนๆเนอะ) ด้วยเหตุฉะนี้แล เลยทำให้รู้ว่าบางที่ไม่ได้นับวันที่เอกสารถึง จึงขอฝากไว้ ณ ที่นี้ อิอิ

No comments:

Post a Comment